เปรียบเทียบวิธีการปูกระเบื้องยางแต่ละแบบ รู้ก่อนซื้อ ประหยัดทั้งเวลาและตังในกระเป๋า
- Chinatip
- 18 ม.ค. 2567
- ยาว 1 นาที
ในปัจจุบันกระเบื้องยางได้มีวิวัฒนาการแบ่งออกมาได้หลายประเภทตามชนิดและวัสดุที่ใช้ในการผลิตและติดตั้ง ถึงแม้ว่าเป็นวัสดุปูพื้นที่ติดตั้งได้ง่ายกว่าวัสดุปูพื้นชนิดอื่น แต่กระเบื้องยางแต่ละชนิดก็มีวิธีการปูที่แตกต่างกัน ทำให้มีความยากง่ายไม่เท่ากัน ในการจ้างช่างติดตั้งจึงมีราคาที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อกระเบื้องยางจึงควรที่จะต้องรู้ถึงวิธีการติดตั้ง และข้อจำกัดของแต่ละประเภทว่าเหมาะกับสภาพหน้างานของเราหรือไม่ ก็จะสามารถทำให้เราประหยัดงบประมาณในส่วนของค่ากระเบื้องยางและค่าแรงติดตั้งไปได้อีกด้วย
การเตรียมพื้นผิว
กระเบื้องยางสามารถปูได้บนพื้นผิวได้หลายแบบ ที่นี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่าแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไง และอาจจะมีปัญหาอะไรในอนาคตเพื่อที่จะได้รู้ทันช่างที่มาปูกระเบื้องยางไม่ให้ทำงานมั่วๆได้ปูทับกระเบื้องเดิมได้เลย
ปรับพื้นแบบ Self-leveling
การปรับพื้นแบบ self-leveling คือการใช้ปูนชนิดพิเศษ ซึ่งเป็นปูนสำหรับการปรับพื้นโดยเฉพาะ
ข้อดี : จะทำให้พื้นได้ระนาบ งานออกมาเนี๊ยบ100% เพราะเกิดจากการที่ปล่อยให้ของเหลวเซ็ทตัวจนได้ระดับ
ข้อควรระวัง : มีราคาสูงกว่าการปรับแบบฉาบบางประมาณ2-3เท่าตัว อาจจะทำให้เกินงบประมาณที่ตั้งใจไว้ได้
ปรับพื้นแบบฉาบบาง
ถ้าหากระดับของพื้นนั้นต่างกันไม่มาก วิธีการแก้ที่ง่ายและรวดเร็วคือการฉาบบาง หรือการสไลด์พื้น จะทำเหมือนกับการฉาบกำแพงให้เรียบ คือการใช้เกรียงปาดปูนจากจุดที่สูงลงที่ต่ำ เพื่อให้ได้ slope ของพื้นเนียนพอที่จะปูกระเบื้องยาง
ข้อดี : รวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก และราคาถูกกว่าการปรับพื้นแบบ self-leveling
ข้อควรระวัง : ต้องอาศัยฝีมือและความชำนาญของช่างพอสมควร และงานที่ออกมานั้นก็จะไม่เรียบร้อย100% เหมือนกับการ self-leveling อยู่ดี ซึ่งจะต้องตกลงเงื่อนไขนี้กับเจ้าของงานก่อน
ปูทับลงบนกระเบื้องเดิม
หากต้องการเปลี่ยนพื้นกระเบื้องยางใหม่ อาจจะไม่จำเป็นต้องรื้อพื้นเดิม เพราะกระเบื้องยางสามารถปูทับได้พื้นเดิมได้เลยถ้าหากพื้นนั้นมีความเรียบ และระดับอยู่ในแนวระนาบที่ได้แล้ว โดยสามารถปูทับพื้นเดิมได้เกือบทุกชนิดที่มีความเรียบ ไม่ว่าจะเป็น พื้นกระเบื้องแกรนิตโต้, พื้นหินอ่อน, พื้นหินขัด หรือแม้แต่พื้นไม้ก็ตาม สิ่งสำคัญคือเรื่องของความเรียบ และต้องไม่มีความชื้น
ข้อดี : สามารถประหยัดเวลาและงบประมาณได้ เพราะการรื้อพื้นออกนั้นเราก็ต้องทำการปรับพื้นให้อยู่ในสภาพที่ดีอีกครั้ง และหน้างานสามารถปูพื้นกระเบื้องยางได้เลย ทำให้ประหยัดเวลาในงานรื้อซึ่งเป็นงานที่ใช้ระยะเวลานาน เหลือแต่งานปูกระเบื้องยางใหม่ ซึ่งใช้เวลาเพียงนิดเดียว
ข้อควรระวัง : ควรจะต้องตรวจให้แน่ใจก่อนว่าพื้นเดิมนั้นได้ระดับ และต้องระวังรอยต่อของพื้นเดิมมีระยะห่างมากเกินไป เช่น ร่องกระเบื้องเว้นห่างหลายมิล อาจะทำให้กระเบื้องยางที่มีความบางไม่ถึง3มิลลิเมตร เกิดปัญหาเป็นร่องตามไปได้
ปูบนพื้นใหม่
ถึงแม้อาคารจะสร้างใหม่ พื้นดูเรียบเนียน หรือแม้กระทั่งขัดมันมาแล้ว ส่วนใหญ่แล้วก็จะยังไม่สามารถปูกระเบื้องยางได้เลยในทันที เนื่องมาจากกระเบื้องยางมีความหนาที่น้อยมาก คือ 2-5 มิลลิเมตร ทำให้ถ้าพื้นไม่ดี ก็จะสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นทุกครั้งก่อนจะทำการปูกระเบื้องยางต้องมีการสำรวจหน้างานโดนทีมช่างก่อนเสมอ
โดยพื้นที่จะปูกระเบื้องยางจะต้องมีผิวเรียบเนียน ไม่ขรุขระ และพื้นทั้งผืนจะต้องมีจุดสูงสุดต่างกันไม่เกิน 2 มิลลิเมตร วิธีการดูง่ายๆคือช่างจะใช้เหล็กฉากหรือเหล็กกล่องวางนาบไปกับพื้น ถ้าหากมีช่องว่างก็จะนำไม้บรรทัดไปวัดว่าเกิน 2มิลลิเมตรหรือไม่ ซึ่งถ้าหากเกิน(ส่วนมากจะมีระดับที่ต่างกันเกิน2มิลลิเมตร) ก็จำเป็นที่จะต้องทำการปรับพื้น โดยมีทั้งหมด 2วิธี คือ การปรับพื้นแบบฉาบบาง และการ Self-leveling ซึ่งการที่งบประมาณบายปลายจากที่ตั้งไว้สำหรับการปูกระเบื้องยางนั้นส่วนมากจะอยู่ที่ลืมคิดค่าใช้จ่ายในส่วนของการปรับพื้นเข้าไปนั่นเอง












ความคิดเห็น